
เสือโคร่ง เป็นสัตว์นักล่าที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและทำหน้าที่เป็นผู้ล่าระดับสูงสุดในห่วงโซ่อาหารตามธรรมชาติ มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการรักษาสมดุลของระบบนิเวศ ด้วยบทบาทในการควบคุมจำนวนประชากรสัตว์กินพืช เช่น กวาง เก้ง กระทิง และวัวแดง หากมีสัตว์กินพืชมากเกินไป อาจส่งผลให้พืชบางชนิดลดจำนวนลงจนกระทบต่อความสมดุลของระบบนิเวศในภาพรวม นอกจากนี้ เสือโคร่งสายพันธุ์ Panthera tigris corbetti ยังช่วยจัดการล่าเหยื่อที่อ่อนแอ ซึ่งมีส่วนสำคัญในการรักษาความหลากหลายทางพันธุกรรมของสัตว์ป่า เพื่อให้ประชากรที่เหลือมีความแข็งแรงและปรับตัวได้ดีในธรรมชาต และในวันนี้ หวยสด จะพาเพื่อนๆ ไปทำความรู้จักกับ เสือโคร่ง กันครับ
เสือโคร่ง

Panthera tigris corbetti เป็นหนึ่งในสัตว์นักล่าขนาดใหญ่ของโลก มีพฤติกรรมที่ชอบอาศัยและหากินตามลำพัง โดยเสือแต่ละตัวจะมีอาณาเขตพื้นที่ของตัวเอง สำหรับเสือเพศผู้ มักมีพื้นที่อาศัยกว้างกว่าเสือเพศเมีย จากการศึกษาของสถานีวิจัยสัตว์ป่าเขานางรำในเขตห้วยขาแข้ง พบว่า เสือเพศผู้มีพื้นที่อาศัยประมาณ 267–300 ตารางกิโลเมตร ในขณะที่เพศเมียมีพื้นที่อยู่ระหว่าง 60–70 ตารางกิโลเมตร
โดยธรรมชาติ เสือชนิดนี้ไม่ค่อยอยู่รวมกันเป็นฝูง ยกเว้นช่วงที่แม่เสือเลี้ยงดูลูก ตัวเสือมักออกล่าเหยื่อในช่วงกลางคืนหรือเช้ามืด ซึ่งเป็นเวลาที่เหมาะแก่การซ่อนตัวและซุ่มโจมตีเหยื่อในสภาพแวดล้อมธรรมชาต

การสืบพันธุ์
วัยเจริญพันธุ์
- เพศเมีย: เริ่มเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์เมื่ออายุประมาณ 3 ปี
- เพศผู้: เริ่มเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์เมื่ออายุประมาณ 4–5 ปี
การผสมพันธุ์
- เสือสามารถผสมพันธุ์ได้ ตลอดทั้งปี
- ในช่วงฤดูผสมพันธุ์ เสือเพศผู้และเพศเมียจะอยู่ด้วยกันประมาณ 4–5 วัน
- มีการผสมพันธุ์กันทุก 15–20 นาที
- หลังผสมพันธุ์ เสือเพศผู้จะจากไป เหลือเพศเมียเลี้ยงลูกเพียงลำพัง
การตั้งท้องและการคลอด
- ระยะตั้งท้องประมาณ 100–103 วัน
- คลอดลูกครั้งละ 2–4 ตัว (บางกรณีอาจถึง 5 ตัว)
- อัตราการรอดชีวิตของลูกเสือจนโตเต็มวัยอยู่ที่ 50–70%
การเลี้ยงดูลูก
- ช่วงแรก ลูกเสือยัง ไม่สามารถออกหาอาหารได้เอง ต้องอาศัยแม่
- เมื่ออายุ 6–7 เดือน เริ่มออกล่าอาหารร่วมกับแม่
- อยู่กับแม่จนถึงอายุประมาณ 18–24 เดือน ก่อนแยกออกไปมีถิ่นอาศัยของตนเอง

การกระจายพันธุ์และสายพันธุ์
ในอดีต เสือโคร่ง (Panthera tigris) เคยมีถิ่นอาศัย กว้างขวางมากในทวีปเอเชีย
ตั้งแต่:
- ทางเหนือสุดของ ไซบีเรีย,
- ผ่าน เอเชียตะวันตกและเอเชียกลาง,
- ครอบคลุม คาบสมุทรอินเดีย, คาบสมุทรอินโดจีน, และ จีนตอนใต้,
- จนถึงหมู่เกาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ชวา สุมาตรา และบาหลี
แต่ปัจจุบัน การกระจายพันธุ์ของเสือโคร่งลดลงอย่างมาก เหลืออยู่เพียงบางพื้นที่ในเอเชียใต้ เอเชียตะวันออก และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เท่านั้น เนื่องจากการสูญเสียถิ่นอาศัยและการล่า
จากความแตกต่างทางรูปร่างและถิ่นอาศัย นักวิทยาศาสตร์ได้จำแนกเออกเป็น 8 สายพันธุ์ย่อย (subspecies) ดังนี้
- เสือไซบีเรีย (Panthera tigris altaica)
- เสือเบงกอล (Panthera tigris tigris)
- เสืออินโดจีน (Panthera tigris corbetti)
- เสือจีนใต้ (Panthera tigris amoyensis)
- เสือมลายู (Panthera tigris jacksoni)
- เสือชวา (Panthera tigris sondaica) – สูญพันธุ์แล้ว
- เสือบาหลี (Panthera tigris balica) – สูญพันธุ์แล้ว
- เสือสุมาตรา (Panthera tigris sumatrae)

Panthera tigris ในประเทศไทย
- ในอดีต ประเทศไทยเคยมีเสือโคร่งกระจายอยู่ทั่วประเทศ
- ปัจจุบัน จำนวนลดลงอย่างมาก เพราะ
- การ สูญเสียถิ่นอาศัย (จากการทำลายป่า, การขยายพื้นที่เกษตร ฯลฯ)
- การ ล่าอย่างผิดกฎหมาย (เพื่อตลาดค้าสัตว์ป่าและชิ้นส่วนเสือ)
- ส่งผลให้ บางพื้นที่ไม่พบเสือโคร่งในธรรมชาติอีกต่อไป
แต่ก็มีข่าวดีคือ
- กลุ่มป่าตะวันตก (Western Forest Complex) ยังคงเป็น แหล่งอาศัยสำคัญของเสือโคร่งในประเทศไทย
- มีรายงานว่า ประชากรเสือโคร่งในพื้นที่นี้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ซึ่งสะท้อนความสำเร็จของมาตรการอนุรักษ์ เช่น
- การลาดตระเวนเชิงคุณภาพ (Smart Patrol)
- การควบคุมการล่า
- การฟื้นฟูเหยื่อของเสือในธรรมชาติ

จากการศึกษาพบว่า
เสือโคร่งที่ตรวจพบในพื้นที่กลุ่มป่าตะวันตกมีการเคลื่อนที่กระจายตัวเชื่อมโยงระหว่างผืนป่าหลักหลายแห่ง เช่น เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง–ทุ่งใหญ่นเรศวร เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทองผาภูมิ และอุทยานแห่งชาติแม่วงก์ ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงความอุดมสมบูรณ์และความเชื่อมโยงของระบบนิเวศที่ยังคงสมบูรณ์ในระดับหนึ่ง
นอกจากนี้ การใช้เทคโนโลยีกล้องดักถ่ายภาพอัตโนมัติร่วมกับฐานข้อมูลภาพถ่ายเสือโคร่งทั่วประเทศ ทำให้สามารถระบุเอกลักษณ์ของเสือแต่ละตัวได้อย่างแม่นยำ ช่วยให้นักวิจัยสามารถติดตามการเคลื่อนไหว การกระจายพันธุ์ และการเกิดลูกของเสือในธรรมชาติได้อย่างต่อเนื่อง

ผลการติดตามดังกล่าวไม่เพียงสะท้อนถึงความสำเร็จของมาตรการอนุรักษ์ในพื้นที่เท่านั้น แต่ยังเป็นหลักฐานสำคัญที่ยืนยันถึงศักยภาพของประเทศไทยในการฟื้นฟูประชากรเสือโคร่งในธรรมชาติ ซึ่งนับเป็นหนึ่งในความสำเร็จที่โดดเด่นของงานอนุรักษ์สัตว์ป่าระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เสือโคร่ง (Panthera tigris) บางส่วนได้ขยายอาณาเขตในการหาอาหารออกไปอย่างต่อเนื่อง โดยสามารถตรวจพบการกระจายตัวครอบคลุมพื้นที่ในกลุ่มป่าตะวันตก ตั้งแต่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ขยายไปยังอุทยานแห่งชาติที่อยู่ติดกัน ได้แก่ อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ อุทยานแห่งชาติคลองลาน และต่อเนื่องไปถึงอุทยานแห่งชาติคลองวังเจ้าทางตอนเหนือ นอกจากนี้ ยังพบการขยายพื้นที่อาศัยลงมาถึงเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระทางตอนใต้ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมโยงของแนวผืนป่าขนาดใหญ่ที่ยังคงมีความอุดมสมบูรณ์ และสามารถรองรับการดำรงชีวิตของเสือโคร่งในธรรมชาติได้

การตรวจพบดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงการขยายอาณาเขตการหากินของเสือโคร่ง ซึ่งเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากรในธรรมชาติ จนเกิดความต้องการพื้นที่อาศัยและแหล่งอาหารที่กว้างขวางมากขึ้น ทั้งยังบ่งชี้ถึงความจำเป็นในการบริหารจัดการพื้นที่กันชน (buffer zone) และการสร้างแนวเชื่อมต่อระหว่างผืนป่า (wildlife corridor) เพื่อรองรับการเคลื่อนที่ของเสือโคร่งอย่างปลอดภัย สำหรับวันนี้ เว็บหวยสด คงต้องขอตัวลากันไปก่อน พบกันใหม่ในบทความหน้า สวัสดีครับ
