ออกไปสำรวจโลกกว้าง เยือนแดนมังกรกับอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติที่งดงามและกำลังได้รับความนิยม นั่นคือ ภูเขาสี่ดรุณี หรือ ซื่อกูเหนียงซาน (Siguniangshan) กลุ่มเทือกเขาสูงที่เรียงตัวกันถึง 4 ยอด เป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่มีชื่อเสียงของการทัวร์จีน ด้วยความสวยงามและความยิ่งใหญ่ สามารถมองเห็นหิมะที่ปกคลุมยอดเขาตลอดทั้งปี ใครที่สนใจที่นี่ เราได้เตรียมข้อมูลและจุดไฮไลต์ของเส้นทางสี่ดรุณ พร้อมสภาพอากาศในแต่ละฤดูกาลไว้ให้แล้ว ไปสนุกกับ ที่เที่ยวเมืองจีน แห่งนี้กันดีกว่าครับ
ทำความรู้จักภูเขาสี่ดรุณี
ภูเขา 4 ดรุณี หรือ “ซื่อกูเหนียงซาน” มีสถานที่ตั้งอยู่ในอำเภอเสี่ยวจิน เขตปกครองตนเองชนชาติทิเบตและเชียงอาป้า มณฑลเสฉวน ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ห่างจากเมืองเฉิงตูประมาณ 220 กิโลเมตร ที่นี่ชาวทิเบตเรียกว่า “Skola” ซึ่งหมายถึง “เทพเจ้าผู้ปกปักรักษา” มีความโดดเด่นด้วยยอดเขาสูงชัน 4 ลูกที่ตั้งเรียงกันจากทิศเหนือถึงทิศใต้ บนระยะทาง 3.5 กิโลเมตร
ภูมิประเทศของภูเขาที่ไม่เหมือนที่ใด ทำให้มีระบบนิเวศที่สมบูรณ์ มีธารน้ำใสสะอาดและพืชพรรณไม้ที่เบ่งบานสดใส นักท่องเที่ยวสามารถชมภูเขาหิมะได้อย่างใกล้ชิด ไม่แปลกใจที่ภูเขา 4 ดรุณี จะเป็นแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติยอดนิยม ดึงดูดผู้คนให้มาทัวร์จีนเพื่อสัมผัสความงดงามและยิ่งใหญ่ของที่นี่
ปัจจุบัน ภูเขา 4 ดรุณี นั้นได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นอุทยานแห่งชาติ ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สำคัญของจีน และยังเป็นจุดสำคัญสำหรับการศึกษาวิจัยทางธรณีวิทยาและชีววิทยาอีกด้วย
4 สาวพี่น้อง ภูเขาสี่ดรุณี
บนยอดเขาทั้ง 4 ลูกที่นี่ ปกคลุมด้วยหิมะตลอดทั้งปี ทำให้ดูเหมือนหญิงสาว 4 คนที่สวมผ้าคลุมสีขาวบนศีรษะ นี่คือที่มาของชื่อ “ภูเขา 4 ดรุณี” ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างแม่น้ำฉางผิงโกวและไห่จื่อโกว
ยอดเขาทั้ง 4 ลูกนี้มีชื่อเรียกและความสูงดังนี้
1. พี่สาวคนโต : ชื่อว่า “ต้ากูเหนียงเฟิง” มีความสูงจากระดับน้ำทะเลที่ประมาณ 5,355 เมตร
2. พี่สาวคนรอง : ชื่อว่า “เอ้อกูเหนียงเฟิง” มีความสูงจากระดับน้ำทะเลที่ประมาณ 5,454 เมตร
3. พี่สาวคนกลาง : มีชื่อว่า “ซานกูเหนียงเฟิง” มีความสูงจากระดับน้ำทะเลที่ประมาณ 5,664 เมตร
4. น้องสาวคนเล็ก : มีชื่อว่า “เหยาเหนียงเฟิง” มีความสูงจากระดับน้ำทะเลที่ประมาณ 6,250 เมตร
ตามตำนานของทิเบตกล่าวว่า ยอดเขาที่สูงที่สุดเปรียบเสมือนน้องสาวคนสุดท้อง เพราะตามประเพณีท้องถิ่น น้องจะมีชีวิตที่สะดวกสบายที่สุด จึงมีร่างกายที่ใหญ่โตที่สุด .oขณะที่พี่ต้องคอยช่วยเหลือพ่อแม่ในการทำงานและดูแลน้อง ๆ ร่างกายจึงไม่ได้เติบโตอย่างเต็มที่ ทำให้กลายเป็นภูเขาที่มีขนาดเล็กที่สุดในบรรดายอดเขาทั้งหลาย
ควรไปเที่ยว ภูเขา 4 ดรุณี ช่วงไหนถึงจะดี
ถือเป็นจุดหมายที่ถูกใจนักผจญภัยอย่างมาก และก่อนออกเดินทางจำเป็นต้องเตรียมตัวให้พร้อม เพราะสภาพอากาศที่นี่มีความแตกต่างกันอย่างมาก ด้านบนของภูเขาจะมีอากาศหนาวเย็นถึงขั้นมีหิมะ ส่วนบริเวณตีนเขา ช่องหุบเขา และแหล่งน้ำ จะมีสภาพอากาศแบบเขตร้อน ทำให้แต่ละฤดูมีลักษณะอากาศที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน อีกทั้งดอกไม้ในแต่ละฤดูกาลก็จะบานไม่เหมือนกัน
การเดินทางมาท่องเที่ยวที่นี่สามารถทำได้ตลอดทั้งปี โดยมีทั้งหมด 4 ฤดูกาลดังนี้
1. ฤดูใบไม้ผลิ : เดือนมีนาคม – เดือนพฤษภาคม
อุณหภูมิโดยเฉลี่ยอยู่ระหว่าง -5 ถึง 16 องศา ยังคงมีอากาศหนาวเย็นอยู่ หิมะเริ่มละลายบางส่วน ขณะที่ดอกไม้และพรรณไม้หลากหลายชนิดต่างพากันเบ่งบาน สร้างสีสันที่ตัดกับยอดเขาซึ่งยังคงปกคลุมด้วยหิมะขาวสะอาด
2. ฤดูร้อน : เดือนมิถุนายน – เดือนสิงหาคม
อุณหภูมิโดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 17 – 30 องศา โดยสภาพอากาศในช่วงกลางวันและกลางคืนมีความแตกต่างกันมาก ในช่วงกลางวันอากาศจะค่อนข้างอบอุ่น แต่เมื่อถึงช่วงกลางคืนอากาศจะหนาวเย็น จึงเป็นฤดูกาลที่เหมาะสำหรับการท่องเที่ยวที่สุด เพราะสามารถเดินป่าได้อย่างสบาย มองเห็นดอกไม้บานเต็มหุบเขาสวยงาม โดยสามารถลงเล่นน้ำในลำธารได้แบบชิลๆ และถ่ายรูปจากมุมไหนก็สวยงาม แต่ควรระวังเพราะอาจจะพบกับนักท่องเที่ยวจำนวนมากได้ค่ะ
3. ฤดูใบไม้ร่วง : เดือนกันยายน – เดือนพฤศจิกายน
อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ระหว่าง -8 ถึง 16 องศา อากาศเริ่มเย็นลง และสามารถเพลิดเพลินกับความสวยงามของใบไม้ที่เปลี่ยนสีได้ ทั่วทั้งพื้นที่เต็มไปด้วยต้นไม้สีเหลืองทองผสมกับสีแดง ทุกมุมที่มองไปนั้นงดงามราวกับอยู่ในฝัน อีกทั้งท้องฟ้ายังแจ่มใส ทำให้มองเห็นภาพทิวทัศน์ภูเขาหิมะที่สะท้อนกับแม่น้ำอันเงียบสงบ นับเป็นช่วงเวลาที่งดงามที่สุด
4. ฤดูหนาว : เดือนธันวาคม – เดือนกุมภาพันธ์
อุณหภูมิโดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ -14 ถึง 5 องศา ความหนาวเย็นค่อยๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หิมะขาวปกคลุมทุกอย่าง ต้นไม้ใบหญ้าถูกห่อหุ้มด้วยหิมะนุ่มๆ ทะเลสาบกลายเป็นน้ำแข็ง ทุกสิ่งรอบตัวกลายเป็นสีขาวบริสุทธิ์ และกิจกรรมอย่างการเดินป่าควรหลีกเลี่ยงเพื่อความปลอดภัยครับ
เส้นทางท่องเที่ยวไฮไลต์
1. ซวงเฉียวโกว (Shuangqiao Valley)
เส้นทางนี้ถือเป็นหนึ่งในหุบเขาที่ลึกและงดงามที่สุด โดยมีระยะทางราว 35 กิโลเมตร ตลอดเส้นทาง นักท่องเที่ยวจะได้เห็นทิวทัศน์ของหุบเขา ลำธาร ทุ่งหญ้า ทะเลสาบ และยอดเขาที่มีรูปร่างแปลกตา พร้อมฉากหลังเป็นภูเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะสีขาว
ตลอดทางยังมีโอกาสเห็นฝูงจามรีซึ่งเป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ของสถานที่นี้ เส้นทางนี้เป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวเนื่องจากสะดวกสบาย มีบริการรถบัสของอุทยานฯ ตลอดเส้นทาง สามารถหยุดแวะชมตามจุดต่างๆ ได้ ใช้เวลาประมาณครึ่งวันก็สามารถเที่ยวชมได้ครบถ้วน
2. ฉางผิงโกว (Changping Valley)
เส้นทางนี้เปิดโอกาสให้คุณได้สัมผัสกับธรรมชาติในแบบดั้งเดิม มีระยะทางประมาณ 40 กิโลเมตร ตั้งอยู่ทางเหนือของเขตอุทยานฯ ตลอดเส้นทางคุณจะได้พบกับป่าสนที่อุดมสมบูรณ์ นับว่าเป็นเส้นทางขนส่งสินค้าในอดีตที่มีเสน่ห์
ระหว่างทางจะผ่านน้ำตก ลำธาร และหมู่บ้านชาวทิเบต รวมถึงฝูงจามรี คุณสามารถชมวิวภูเขาสูงตระหง่านได้ตลอดสองข้างทาง รถบัสของอุทยานฯ จะพานักท่องเที่ยวเข้าไปได้เพียง 5 กิโลเมตร จากนั้นต้องเดินเท้าเอง ใช้เวลาประมาณหนึ่งวันในการเดินไปกลับเส้นทางเดิม
3. ไห่จื่อโกว (Haizi Valley)
เส้นทางเดินป่าระยะไกลนี้มีความยาวประมาณ 30 กิโลเมตร เส้นทางค่อนข้างชันและสามารถปีนขึ้นยอดเขาได้ แต่ต้องมีไกด์ท้องถิ่นนำทางเนื่องจากความปลอดภัย ความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติของเส้นทางนี้สูงมาก ตลอดทางเดินอาจพบเห็นสัตว์หายาก เช่น ลิงขนทองและแรคคูน รวมถึงพันธุ์พืชหายากอีกมากมาย
เส้นทางนี้ไม่มีบริการรถยนต์ ต้องเดินเท้าเท่านั้น ใช้เวลาประมาณหนึ่งวันในการเดินทางไปกลับ หรืออาจต้องพักแรมค้างคืน เหมาะกับผู้ที่ชื่นชอบการเดินป่าและความท้าทายเป็นอย่างยิ่ง
ประเทศจีนเป็นดินแดนที่ทุกครั้งที่มาเยี่ยมชมจะมีแต่ความน่าทึ่ง โดยเฉพาะสถานที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติที่เต็มไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ และยังมีเส้นทางทัวร์จีนใหม่ๆ ให้เราได้ไปสัมผัสหลากหลาย เช่น อุทยานภูเขาสี่ดรุณีที่มีความงดงามและชวนให้ค้นหา ซึ่งเรากล้ายืนยันเลยว่าทัศนียภาพธรรมชาติในทวีปเอเชียของเรานั้นสวยงามไม่แพ้ทวีปยุโรปเลยทีเดียว สำหรับวันนี้ เว็บหวยสด คงต้องขอตัวลากันไปก่อน บทความหน้าเราจะพาไปเที่ยวที่ไหนกันต่อ สามารถรอติดตามชมกันได้เลย สวัสดีครับ